[ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว]
...
เราหลายคนกลัวว่าสักวันหนึ่งมันอาจจะมาแทนที่มนุษย์อย่างเราและแย่งงานเราไปทำหมด หลายๆ อาชีพจะถูกหุ่นยนต์และ AI ทำให้หายไปตลอดกาล แต่ความจริงแล้วการที่เทคโนโลยีเข้ามาแย่งงานมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ มันเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต และมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะเมื่ออาชีพเก่าๆ ถูกทำให้หายไป ก็จะมีอาชีพใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน และนี่คือตัวอย่างอาชีพในอดีตที่ถูกเทคโนโลยีกลืนหายไปเรียบร้อยแล้ว
1. ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และทนายความ
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Do not Pay เป็นปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยเด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่มีชื่อว่า Joshua Browder โดยมีแรงบันดาลใจจากที่เขาถูกเรียกค่าปรับอย่างไม่เป็นธรรม เขาจึงพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมาช่วยเหลือคนที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับเขา
โดยให้ผู้ประสบปัญหามากรอกแบบสอบถาม แล้วให้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ว่า คน ๆ นั้นทำผิดกฎหมายอย่างไร ซึ่งหากปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์แล้วว่าคน ๆ นั้นไม่ผิด มันจะร่างจดหมายโต้แย้งให้กับลูกความของมันโดยอัตโนมัติ
2. นักข่าว
ปัจจุบันสำนักข่าวใหญ่ๆ ได้ใช้ AI มานำเสนอข่าวแล้วทั้งสิ้นตัวอย่างที่ชัดเจน ได้มีการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ และนำข่าวสารมานำเสนออย่างต่อเนื่องแบบ Real-time พร้อมเปิดให้นักข่าวที่เป็นคนจริงๆ ได้เข้ามาทำการตกแต่งเนื้อหาเพื่อให้มีความน่าอ่านมากยิ่งขึ้น
3. บุคลากรทางการแพทย์
ถ้าจะบอกว่าจะเอาปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่หมอก็คงจะดูหลุดโลกไปหน่อย แต่ปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ ได้เข้าไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโรคภัยไข้เจ็บในโรงพยาบาล โดยช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
4. พนักงาน Call Center
ในที่นี้รวมอยู่ในธุรกิจหลาย ๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร โรงพยาบาล ธุรกิจประกัน และอีกหลายๆ ธุรกิจที่จำเป็นต้องฝ่าย Custermer Service ไว้ตอบคำถามจุกจิกกับลูกค้า ซึ่งปัญญาประดิษฐ์สามารถทำได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับลูกค้า ให้คำแนะนำในสิ่งที่ดีที่สุด
ตอบคำถามฉับไว เก็บข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจุดสำคัญอีกอย่างคือ ขยันมาก ทำงานได้ 24 ชั่วโมง นี่เป็นเหตุผลว่า ในอนาคต องค์กรใหญ่จะนำปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่คนอย่างแน่นอน
5.คนขับรถ
หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งกำลังพัฒนาอยู่ รวมทั้ง อูเบอร์ (Uber) และลิฟต์ (Lyft) สองผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ออกมาเปิดเผยว่า กำลังพัฒนารถอัตโนมัติออกมาใช้งาน โดยตอนนี้อยู่ขั้นทดสอบแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่ามีคนขับแท็กซี่ออกมาประท้วงมากมาย ข้อดีหลักๆ ของรถยนต์อัตโนมัติคือมีความปลอดภัยกว่าคนขับปกติ เพราะปัญญาประดิษฐ์ที่ควบคุมรถไม่มีข้อจำกัดเหมือนมนุษย์ ไม่เหนื่อย ไม่หลับใน ไม่ขับรถด้วยอารมณ์ และไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร
อีกทั้งยังสามารถคำนวณการเฉี่ยวชนล่วงหน้าและหลบหลีกได้ทันท่วงที จึงไม่แปลกที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่คนขับรถทุกประเภท ตั้งแต่โชเฟอร์แท็กซี่, คนขับรถส่งของ, คนขับรถบรรทุก ไปจนถึงคนขับรถเมล์
6. นักแปลภาษา
แน่นอนว่าอาชีพนี้จะโดนปัญญาประดิษฐ์ เข้ามา อย่างแน่นอน เพราะปัจจุบัน ตัวปัญญาประดิษฐ์ ของ Google ที่เรียกว่า Google Briain สามารถสร้างภาษากลางขึ้นมาได้ โดยเรียกว่า Google Neural Machine Translation โดยปัญญาประดิษฐ์นี้จะแปลงจากอีกภาษาหนึ่ง มาเป็นภาษากลาง พร้อมกับแปลงไปเป็นอีกภาษาหนึ่งที่ผู้ใช้งานต้องการได้อย่างแม่นยำ
ซึ่งในปัจจุบัน GNMT นี้ถูกนำมาใช้ในระบบ Google Translate อย่างเต็มตัวแล้ว และรองรับการแปลข้ามภาษาแบบอิสระได้ถึง 10 คู่ภาษาจากทั้งหมด 16 คู่ภาษาที่มีในเวลานี้ ถัดจากนี้ไปทีมงาน Google ก็จะคอยปรับปรุงให้ Google Translate มีคุณภาพมากขึ้น และปรับปรุงสถาปัตยกรรมระบบให้ซับซ้อนน้อยลงด้วย
ดังนั้น การเตรียมทักษะของตัวเองให้อยู่รอดในโลกแห่งการทำงานในยุคปัญญาประดิษฐ์ครองเมือง จึงควรเริ่มต้นเสียตั้งแต่วันนี้ ด้วยการมองหาทักษะ หรือ อาชีพใหม่ๆ ที่ทำให้เราโดดเด่นเหนือปัญญาประดิษฐ์หรือสามารถอยู่ในบทบาทที่ได้รับสิทธิ์ในการควบคุมปัญญาประดิษฐ์ได้ ไม่ใช่รอจนวันนั้นมาถึงแล้วถูกมันควบคุมแทนเสียเอง
เพราะฉะนั้น ที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะทำให้หลาย ๆ คนกลัวว่าไอเจ้าเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาแทนอาชีพของคุณ แต่ถ้าลองมองย้อนในอดีต ก็มีหลายอาชีพที่ถูกเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงและทำให้อาชีพนั้นๆ หายไป แต่ก็ทำให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น อย่างกลัวว่าปัญญาประดิษฐ์
*********
สนใจติดตามข้อมูล อ่านต่อได้ที่
https://www.facebook.com/Pantae.fan
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ