[article] บทยกย่อง "ลุงก่ำ" ฅนเก็บขยะใจสูง ผู้สร้างแรงบันดาลใจแห่งการให้ และการเห็นคุณค่าในตนเอง | ม.ศิลปากร ทับแก้ว

 
 
 
บทความแรกใน pantae.com ผมขอทำตามสัญญาต่อผู้ใหญ่ที่ผมเคารพรักท่านหนึ่ง ถึงแม้ขณะนี้ท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่พลังแห่งความรัก พลังแห่งความดี พลังแห่งความหวังแบบคนสู้ชีวิต ยังไหลเวียนเข้าสู่หัวใจของผมเสมอมาเมื่อผมได้นึกถึงสิ่งที่ท่านได้ทำ    บทความนี้ผมขอยกย่อง "ลุงก่ำ" ลุงเก็บขยะ  ซึ่งเด็ก ม.ศิลปากร ทับแก้ว รุ่นที่เข้ามาสักปี 2545-2552 น่าจะเคยเห็นกันบ้าง ลองอ่านดูครับจะได้รู้กันครับว่าลุงเขาสุดยอดแค่ไหน 
 
ผมถ่ายรูปเซตนี้ไว้เมื่อครั้งที่เป็น นักศึกษาชั้นปีที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2550 วิชาถ่ายรูปสารคดี ผมได้มีโอกาสติดตามชีวิตลุงก่ำเป็นเวลา 3 วัน ผมเคยบอกท่านว่าถ้ามีโอกาสผมจะนำเรื่องราวแรงบันดาลใจของลุงก่ำมาเผยแพร่แต่ที่ผ่านมาผมยังไม่มีโอกาส  มาในวันนี้ผมได้รับโอกาสจาก pantae.com ทำให้ผมมีพื้นที่ในการส่งต่อเรื่องราวดีๆ สู่สังคม  ผมจึงขอนำเรื่องของลุงก่ำที่ผมเคารพรักท่านนี้ มายกย่องผ่านการเล่าประสบการณ์ความรู้สึกที่ผมได้รับมาจากคุณลุงโดยตรงเป็นเรื่องแรกครับ
 
ผมได้มีโอกาสได้พบคุณลุงครั้งแรกจากการที่มีงานคณะฯเมื่องานเลิกลุงก่ำก็มามาทำงานเก็บขยะไป  สิ่งที่ลุงก่ำแตกต่างจากคนทั่วไปคือจะไม่เก็บขยะในส่วนเฉพาะที่นำไปทำเงินได้เท่านั้น ลุงก่ำจะเก็บขยะทั้งหมดทั้งที่ขายได้และที่ขายไม่ได้ พูดง่ายๆคือลุงก่ำมาช่วยทำความสะอาดสถานที่ให้ด้วยครับ ผมบอกกับลุงเขาว่าไม่ต้องเก็บขยะอื่นๆก็ได้ แต่ลุงก็ยังยืนยันที่จะสละเวลาช่วยเก็บพื้นที่ให้สะอาด ลุงก่ำช่วยอย่างนี้ทุกครั้งไม่ว่าจะไปเก็บขยะที่ไหนเวลาใด    

ความใส่ใจต่อประโยชน์ส่วนรวมขนาดนี้หาแทบไม่ได้จากผู้ประกอบอาชีพนี้ท่านอื่นครับ   ตั้งแต่นั้นมาผมจึงเริ่ม "ไหว้" สวัสดีคุณลุง พูดคุยกับคุณลุงในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพท่านหนึ่ง    และมีอีกหลายสิ่งที่ทำให้ประทับใจในตัวลุงก่ำ เช่น ท่านนอบน้อมมากๆ ถอดหมวกทุกครั้งเวลาคุยกันกับผู้อื่น พูดจาด้วยความสุภาพ ให้เกียรติคู่สนทนาเป็นอย่างสูง ท่านมีน้ำใจอย่างมาก เป็นผู้ที่มีใจพร้อมแบ่งปัน เป็นผู้ให้ที่ให้ได้จากใจไม่ลังเล  ท่านมักจะมีข้อคิดดีๆในเรื่องคุณค่าของชีวิต และ เป็นแบบอย่างของคนสู้ชีวิตอย่างมีความสุขท่านหนึ่ง  

 
 
ผมขอเล่าเหตุการณ์หนึ่งที่ผมประทับใจไม่มีวันลืม ที่ทำให้ผมได้เข้าใจจริงๆว่าการให้ว่านั้นงดงามเพียงใด

วันหนึ่งผมเจอท่านแถวบริเวณที่จอดรถจักรยานหน้าหอสมุด ผมเดินเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ท่าน เพื่อจะได้โทรเรียกท่านมารับขวดไปขาย
เอ็กซ์ : ลุงครับผมขอเบอร์โทรศัพท์หน่อยครับ ผมจะเอาไว้โทรตามลุงครับ
ลุงก่ำ : ครับๆ เอามือถือผมไปโทรได้ตามสบายเลยครับ แต่อาจจะโทรได้แปปเดียวนะครับ เพราะผมเพิ่งเติมเงินมา 20 บาทเมื่อกี้เอง
           (คุณลุงคงได้ยินผิดคิดว่าผมจะขอใช้โทรศัพท์ เลยรีบยื่นโทรศัพท์มือถือเก่าๆของท่านอย่างรวดเร็ว และอ่อนน้อมมากกก)
เอ็กซ์ : ??????..........  อออออ ป่าวๆ ครับลุง ผมจะขอเบอร์เฉยๆครับ ผมจะได้โทรหาลุง
ลุงก่ำ : ว้าาาาา คนแก่ก็อย่างนี้แหละครับหูไม่ดี ผมก็นึกว่าคุณเงินในโทรศัพท์หมดจะมายืมโทรศัพท์
             มีอะไรบอกผมได้นะ ผมยินดีช่วย นี่เบอร์ผมครับ........

***ตอนนั้นผมนี่อึ้งเลยครับ ทุกวันนี้จะมีใครสักกี่คนที่ให้คนอื่นยืมใช้โทรศัพท์ด้วยความยินดีอย่างกระตือรือร้นขนาดนี้ ทั้งที่ตนเองต้องเติมเงินมือถือ
ครั้งละ 20 บาท ผมพูดตามตรงว่าพลังแห่งการให้ครั้งนั้นมันโดนใจผมเต็มๆ 
ประสบการณ์นี้สร้างความรู้สึกปิติจากการได้รับ(ทั้งที่ไม่ได้รับ) และผมก็เชื่อว่าลุงก่ำคงมีความสุขมากๆ จากการให้เช่นนี้เป็นประจำแน่ๆ***
 
และในอีกครั้งหนึ่ง ในวันผมเมามายยันเช้า พอกลับบ้านก็ลืมกระเป๋าตังค์กับมือถือ ก็เป็นคุณลุงก่ำเนี่ยแหละครับที่เก็บไว้ให้ และตามตัวผมจนเจอโดยไล่โทรหาเพื่อนๆผมจากเบอร์ที่ผมเมมไว้ในมือถือ (ดื่มสุราเป็นสิ่งไม่ดีครับ ขณะนี้ผมเลิกดื่มหนักเหมือนตอนวัยรุ่นแล้วครับ)  ตอนคุยโทรศัพท์กันลุงก่ำยังจะมาส่งคืนให้ผมถึงที่อีก ผมเกรงใจมากๆเลยไปรับจากท่านเองที่บ้านพักของท่านในมหา'ลัย (ท่านเป็น อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหา'ลัย)

 
ข้างต้นเป็นการแนะนำลุงก่ำเบื้องต้นนะครับ  มาถึงตรงนี้ผมขออนุญาตใช้พื้นที่นี้
ลงภาพที่บอกเล่าความเป็น
"ลุงก่ำ" ฅนเก็บขยะใจสูง ในช่วงที่ผมได้ติดตามท่านเป็นเวลา 3 วัน
ปล.รูปอาจไม่สวยเท่าไรครับ เป็นวิชาถ่ายรูปก็จริง แต่ก็ยังเป็นมือสมัครเล่นมากๆครับ
 
นี่คือสถานที่ทำงานที่คุณลุงเห็นคุณค่าครับ ลุงก่ำเป็นคนที่เห็นคุณค่าอยู่ในทุกสิ่ง
 

 

 

 

 
ลุงก่ำ ท่านตั้งใจทำงานของท่านในทุกที่ครับ และถึงแม้จะมีคนเห็นท่านหรือไม่ ท่านก็ทำงานมาตรฐานสูงทุกครั้ง คือท่านต้องทำให้บริเวณที่ไปเก็บขยะสะอาดเป็นระเบียบมากกว่าเดิม โดยไม่ได้สนใจว่าจะทำให้เสียเวลามากกว่าเดิมหรือไม่     ท่านเคยบอกผมว่า
"ที่ๆให้คุณค่าประโยชน์ต่อเรา เราต้องทำให้ที่นั่นดีขึ้นๆ เท่าที่กำลังของเราจะทำได้"
 
ถ้าลุงก่ำจะมีอุปสรรคบ้าง ก็นี่หล่ะครับ  
 
นี่ล่ะครับ สีหน้าของคนที่ภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนเองทำ ภาคภูมิใจอย่างไร ดูไปเรื่อยๆนะครับ
 
เติมพลังบ้างครับ ปกติท่านทำงานดึกมาก ส่วนใหญ่จะเริ่มหลัง 22.00 น. จนถึงเกือบเช้าครับ
 
ท่านเป็นคนรักษาความสะอาด  ช่วงที่ผมติดตามท่าน สิ่งที่ผมสังเกตคือ ท่านล้างมือทุกครั้ง หลังจากท่านทำงานแต่ละจุดเสร็จครับ
 

 
ภาพท่าน กับจักรยานคู่ใจ เป็น signature ของ ลุงก่ำ
 
เมื่อเสร็จภาระกิจในแต่ละวัน ก็เข้ามาช่วยกันคนละไม้คนละมือในครอบครัว
 
จบวันด้วยการเก็บทุกอย่างให้เป็นระเบียบแยกประเภทขยะ
ขวดน้ำปลา ขวดลังเบียร์ ขวดเบียร์แตก ขวดเขียว ขวดสีชา ขวดพลาสติกใส-ขุ่น ฝาขวดน้ำ ฝาจีบโลหะ เหล็ก ทองแดง อะลูมิเนียม  
ลุงก่ำจัดการทุกอย่างเป็นระเบียบมากๆดูสะอาดจะเรียกว่าที่นี่เป็นโกดังสินค้าเป็นสมบัติก็ว่าได้ครับ
 

 

 
รุ่งเช้าตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ท่านก็จัดการเรียงของขึ้นรถกระบะคู่ใจ ท่านแข็งแรงมาก ทำเองทุกขั้นตอน  
คนในครอบครัวนี้น่ารักมากมาช่วยกันคนละไม้คนละมือก่อนแยกย้ายไปทำงานและไปเรียน
 
แล้วก็ขับรถไปที่ศูนย์รับซื้อขยะรีไซเคิลครับ ขับรถสบายๆชิลๆ ลุงก่ำเป็นคนอารมณ์ดี ไม่เครียด มีอารมณ์ขันตลอด  
เช้าวันนั้นลุงก่ำเล่าให้ฟังว่า รถคันนี้ลุงรักมันมาก คู่ใจมานาน ทำให้ทำมาหากินได้
 

มาถึงแล้วครับ ลุงก่ำเป็นขาประจำที่นี่ เลยรู้จักทุกคนครับ มาถึงก็ทักทายคุยเล่น ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่ดีขึ้นในทันที
 



ลุงก่ำคุมงานเชคน้ำหนักด้วยตนเองอย่างละเอียดเลยครับ
 

 
ถึงเวลาสรุปรายได้จากการทำงาน ครั้งนี้ได้มา 1800 กว่าบาทครับ ลุงก่ำท่านว่าใช้เวลาเก็บสะสมประมาณ 3-7 วัน พอเต็มรถกระบะก็ขนมาครั้งนึง
แล้วแต่ช่วงเทศกาลว่ามีขยะเหล่านี้เยอะไหม
 
นี่คือความภาคภูมิใจของลุงก่ำ ชีวิตท่านความภาคภูมิใจสูงสุดมาจากการที่ท่านสามารถดูแลรับผิดชอบคนที่ท่านรักได้  ท่านภูมิใจในความเป็นคนดี
ท่านมีความสุขในการประกอบอาชีพสุจริตที่มีประโยชน์ต่อสังคม และทั้งหมดทั้งมวลท่านมีกำลังใจจากครอบครัวที่ท่านรัก
 
มาวันนี้ที่ขณะที่ผมเขียนบทความนี้ผมไม่ได้พบท่านเกือบ 10 ปีแล้ว ผมยังคิดถึงท่านและยังรู้สึกได้ถึงพลังดีๆที่สั่นสะเทือนในหัวใจของผมจากท่านได้เสมอมา   
 
ขอบคุณลุงก่ำที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมอยู่บนโลกนี้อย่างเห็นคุณค่าในตนเอง
มีความหวัง ความอดทน และศรัทธาในความดี 
 
 
เมื่อเดือน ธันวาคม ปี 2556 ผมไปเยี่ยมท่านที่บ้านใน ม.ศิลปากร ฝั่งทับแก้ว  ปรากฏว่าบ้านท่านย้ายไปหมดแล้ว และเพื่อนบ้านของท่านแจ้งว่าท่านเสียเมื่อ 3 ปีที่แล้วด้วยโรคความดัน   ผมรู้สึกเสียใจมากและยังมีเรื่องค้างคาใจ ที่ผมยังไม่ได้ส่งต่อเรื่องราวอันมีคุณค่าจากชีวิตลุงก่ำออกไปสู่สังคม   ผมจึงขอแบ่งปันความรู้สึกดีๆนี้ เป็นบทความแรกในพื้นที่บ้าน pantae.com แห่งนี้ครับ ขอบคุณ pantae.com มากครับ

 
รักลุงก่ำมากครับ
heartรักทุกท่านครับheart
 
เยี่ยมเยี่ยม หากอ่านแล้วมีคุณค่าแชร์ต่อให้เพื่อน ๆ ได้เลยครับ
ขอบคุณมากครับ  เยี่ยมเยี่ยม
สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผมได้ที่
FB : X small Good : ความดีเล็กๆ แค่เริ่มทำ 

 
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : X Small Good
การส่งต่อความดีงาม นั้นไม่ยาก เพราะความดีงามแทรกอยู่ในทุกสิ่ง แทรกอยู่ในความรักของคนทุกคน เพียงแค่เราใช้ใจมอง  พยายามมองหาสิ่งดีงามจากคนรอบข้างและสิ่งรอบตัว  ดึงพลังสั่นสะเทือนนั้นออกมาแล้วแบ่งปันส่งต่อออกไป ให้พลังสั่นสะเทือนแห่งความดีงามนั้นกระแทกเหนี่ยวนำใจให้ความดีงามของทุกคนเปิดเผยออกมา ร่วมกันทำสิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่เปลี่ยนโลกกันครับ ติดตามได้ที่เพจ X Small Good

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles