[article] รวม 9 สถานที่เที่ยวอุดรฯแบบ Slow Life ไปตามคำบอกเล่าของคนพื้นที่ ต่อด้วย Fast Fun Fest ในงาน TOYOTA Motorsport

 
 
 
ปกติแล้ว จขกท. เดินทางไปจังหวัดอุดรฯบ่อยๆนะครับ เพราะเวลากลับบ้านที่จังหวัดหนองคายจะต้องนั่งเครื่องไปลงที่สนามบินอุดรฯ หรือถ้าเดินทางโดยรถก็จะต้องใช้เส้นทางผ่านจังหวัดอุดรฯเสมอ แต่น้อยครั้งมากที่จะได้ไปอุดรฯแบบนักท่องเที่ยวเต็มตัว 
.
ครั้งนี้จะต้องไปเที่ยวอุดรฯ 2 วัน โดยมีเพื่อนๆพี่ๆจากกรุงเทพฯไปด้วย เลยตั้งใจอยากจะไปใช้ชีวิตกินเที่ยว ตามคำบอกเล่าของคนอุดรฯสักหน่อย ผมเลยจัดแจงโทรหาเพื่อน พี่ น้อง ที่อยู่อุดรฯเพื่อขอคำแนะนำ ก็ได้รายชื่อร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวมามากพอสมควร แต่ก็ต้องมาเลือกว่าจะไปที่ไหนได้บ้างตามเวลาที่มีแค่สองวัน และการจัดการเรื่องเส้นทางด้วย สถานที่ไหนไกลเกินไปก็น่าเสียดายที่ต้องตัดออกครับ
.
มาดูกันว่าผมไปที่ไหนมาบ้าง

<< อาหารเช้า >>
เนื่องจากทริปนี้ผมพักที่อุดร 2 คืน เช้าวันแรกก็เลยฝากท้องกับอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก แต่เช้าวันที่สองก็ได้เวลาออกไปหาของอร่อยๆข้างนอกกินครับ ไปตามคำบอกเล่าของคนอุดรฯ
.
ร้านแรก: ไข่กระทะ ร้าน “เอมโอช”



ไข่กระทะอาจจะเป็นเมนูที่นักท่องเที่ยวหลายๆคนเคยกินกัน โดยเฉพาะถ้าไปเที่ยวทางอีสานก็จะพบกับร้านไข่กระทะในหลายๆจังหวัด เชื่อกันว่าไข่กระทะเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากช่วงที่เวียดนามเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศส พอชาวเวียดนามอพยพมาอาศัยอยู่ในจังหวัดแถบภาคอีสานก็ได้นำวัฒนธรรมการกินมาด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไข่กระทะก็มักจะกินคู่กับขนมปังฝรั่งเศส(Baguette) ซึ่งชาวเวียดนามยัดไส้ด้วยหมูยอ หมูสับ และกุนเชียง ราดด้วยซอสพริกเวลากินครับ





ไข่กระทะร้านเอมโอชเสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศสไส้กุนเชียงหมูยอและน้ำส้มครับ นอกจากนั้นก็ยังมีเมนูอื่นๆอีก เช่น ข้าวต้ม ต้มเลือดหมู ชา กาแฟ แต่ว่าผมจะไปกินต่ออีกหนึ่งเมนูในร้านต่อไป ก็เลยสั่งแค่เมนูขึ้นชื่อนี้มาลองครับ
.
การเดินทางในตัวเมืองอุดรไม่ยากเลยครับ ผมใช้บริการ “สามล้อเครื่อง” หรือที่คนที่นี้เรียนกว่า “สกายแล็บ” ครับ สามารถบอกคนขับว่าเราจะไปที่ไหนแล้วตกลงราคากันก่อนได้เลย



ร้านที่สอง: ข้าวเปียก ร้าน “ข้าวเปียก”



ร้านนี้ชื่อร้าน “ข้าวเปียก” เพราะเมนูเด็ดของทางร้านก็คือข้าวเปียกนั่นเองครับ ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อร้านซะเลย ข้าวเปียกอาจจะไม่คุ้นหูสำหรับบางคน แต่ถ้าบอกว่า “ก๋วยจั๊บญวน” หลายคนคงจะร้องอ๋อครับ 



ผมว่าความอร่อยของข้าวเปียกน่าจะอยู่ที่ความกลมกล่อมของน้ำซุบกระดูกหมูครับ ผสมกับเส้นข้าวเปียกแป้งเหนียมนุ่มทำให้น้ำซุบข้นขึ้น กินกับกระดูกหมูอ่อนๆและหมูยอ โรยด้วยต้นหอมกับหอมเจียว ผมนี่ซดจดหมดถ้วยเลยครับ



ช่วงเช้าที่ร้านครึกครื้นมากครับ  ลูกค้ามีทั้งนักท่องเที่ยวและคนอุดรฯมากินที่ร้านและซื้อกลับบ้าน ช่วงที่ผมนั่งกินที่ร้านก็เห็นคนมาต่อแถวซื้อไม่ขาดเลย ขายดีจริงๆ




<< อาหารกลางวัน >>

ร้านแรก: อาหารอีสาน ร้าน “ส้มตำเจ๊ไก่”
มาถึงอีสานแล้วถ้าไม่ได้กินอาหารอีสานก็เหมือนมาไม่ถึงอีสานใช่ป่ะครับ แล้วมาอุดรฯจะกินอะไรดี??? ร้านส้มตำเจ๊ไก่เป็นร้านนึงที่มีคนอุดรฯพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าต้องมาลองชิมให้ได้เลย ร้านส้มตำสารพัดเมนูส้มตำ และยังมีอาหารอีสานอื่นๆให้ได้ลิ้มลองด้วย มาดูกันเลยครับ







เฉพาะเมนูส้มตำก็ปาเข้าไปสิบกว่าเมนูแล้วครับ สำหรับคนที่ไม่กินเผ็ดอย่าลืมบอกพนักงานด้วยล่ะ ไม่งั้นคุณอาจจะต้องปาดเหงื่อได้ เพราะรสมาตรฐานของทางร้านคือเผ็ดแซ่บ สำหรับคนที่ไม่กินปลาร้าสามารถสั่งตำไทย ไทยปู ไทยไข่เค็มได้นะครับ แต่เมนูของที่นี่เน้นส้มตำที่ใส่ปลาร้าแน่นอน



เป็นไงบ้างครับ เห็นส้มตำแล้วนำลายสอเลยใช่มั้ยครับ ส่วนใหญ่คนที่มากินร้านส้มตำเจ๊ไก่จะมากันหลายคน ถ้ามาคนเดียวกินส้มตำไม่อร่อยครับ ต้องมาช่วยแย่งกันกิน แล้วอีกอย่างถ้าเรามาหลายคนก็สามารถสั่งหลายๆตำมากินครับ

นี่คือตำ “เผ็ดสลบ” ครับ เป็นเมนูเอาใจคนชอบกินเผ็ด และลูกค้าที่มากินร้านนี้ก็มักจะพูดถึงเมนูนี้กัน แบบว่าท้าทายกันเลยว่าจะกินไหวหรือเปล่า ผมคิดไม่ออกเลยว่าคนที่กินส้มตำจานนี้เข้าไปได้จะปากพองแสบไส้แค่ไหน หรือเวลาเข้าห้องน้ำจะทรมานแค่ไหน แต่ผมได้แค่ลองชิมเส้นมะละกอจานนี้เข้าไปก็ บ๊ายบายละกันนะครับ



เผ็ดแซ่บกับส้มตำก็ต้องมีเครื่องเคียงกันหน่อย ผมสั่งปลาเผา ไก่ย่าง หมูยอ กุ้งฝอย แค๊บหมู มากินด้วย ได้ข้าวเหนียวร้อนๆด้วยทำให้อาหารกลางวันมื้อนี้ครบเครื่องมากๆ กินไปสักพักเหงื่อซึมสิครับ แต่ก็ไม่มีผลต่อการกินเลยครับ ทุกคนยังคงจิ้มจ้วงอาหารกินกันอย่างอร่อยเว่อวัง






ร้านที่สอง: อาหารเวียดนาม ร้าน “VTแหนมเนือง”
ร้านนี้ผมไปกินวันถัดมานะครับ หลังจากวันที่ไปกินส้มตำเจ๊ไก่ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ VTแหนมเนืองเพราะมีสาขาที่กรุงเทพฯด้วย แต่อุดรธานีนี่แหละคือบ้านเกิดของ VTแหนมเนือง เพราะงั้นมาแล้วต้องไปชิมให้ได้ อาหารเวียดนามเหมาะมากๆเลยสำหรับคนที่ชอบกินผัก เพราะหลายๆเมนูจะมีผักเป็นส่วนผสมหรือเป็นเครื่องเคียงเยอะมาก เอาง่ายๆแค่แหนมเนืองผักก็มาเป็นกะละมังแล้วครับ



บั๋นแบ่ว หรือขนมถ้วยญวน  พันหอม หมูยอทอดทรงเครื่อง


ไส้กรอกอีสานทอด และ บั๋นฮ๋อย


น้ำจิ้มของแต่ละเมนูรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆกลมกล่อม กินกับผักสดๆที่ทาง VTแหนมเนืองปลูกเองแบบเกษตรอินทรีย์ แต่ละคำมั่นในได้เรื่องความสดสะอาด รสชาติของมันช่างอร่อยจนหยุดไม่ได้เลยทีเดียว


ทุกคนบรรจงพันห่ออาหาร ตักอาหารกินกันอย่างช้าๆแต่ไม่นานอาหารที่สั่งมาเต็มโต๊ะก็ค่อยๆพร่องไป



ร้านที่สาม: ดื่มกาแฟ นั่งชิล ร้าน “DoSe ESPRESSO”





ช่วงบ่ายๆระหว่างการเดินทางไปเที่ยวที่ต่อไป มานั่งพักดื่มกาแฟเพิ่มความสดชื่นคลายร้อนกันหน่อย ร้านนี้มีเมนูกาแฟที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาเองค่อนข้างเยอะมาก วิธีการนำเสนอน่าสนใจดี พนักงานน่ารัก บาริสต้า มีความรู้ ให้คำแนะนำและคอยพูดคุยเป็นกันเอง บรรยากาศในร้านสบายๆผ่อนคลายเหมาะกับการนั่งพบปะพูดคุย ภายในร้านตกแต่งแบบ Loft Industrial






<< อาหารเย็น >>

ร้านแรก: อาหารไทย-จีน ร้าน “แม่หยา”
ผมได้ยินชื่อร้านแม่หยามานานมาก เอาเป็นว่าจำความได้ก็ได้ยินชื่อร้านแม่หยาควบคู่กับจังหวัดอุดรฯแล้ว เพราะฉะนั้นร้านนี้ผมว่าไม่ต่ำกว่า 30 ปีแล้วแน่ๆ เรื่องรสชาติอาหารและการบริการก็ประทับใจมากเลยครับ  ไม่แปลกในเลยที่คนอุดรฯจะแนะนำร้านนี้ให้ผม ตัวร้านเป็นอาคารสองชั้นรูปทรงคลาสสิคครับ บรรยากาศในร้านก็เอนกประสงค์ดีนะผมว่า จะมากินเลี้ยงกันก็ได้ จะมากินอาหารเย็นกับครอบครัวก็ได้ หรือจะมากินคนเดียวก็คงไม่มีใครว่า  



เมนูอาหารของร้านนี้เยอะมากครับ เท่าที่นับดูจากเล่มเมนูก็น่าจะมากกว่าสิบหน้าเลยทีเดียว เวลามาร้านอาหารแบบนี้ผมชอบสอบถามพนักงานครับว่ามีเมนูแนะนำของทางร้านหรือเปล่า แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดครับ พนักงานแนะนำอาหารมา 3-4 เมนู ผมและเพื่อนๆสั่งเพิ่มอีก 4-5 เมนู...ก็เต็มโต๊ะตามเคยครับ



หนึ่งในเมนูที่พนักงานแนะนำเรามาก็คือ “ยำแม่หยา” ครับ เป็นยำของกรอบๆอ่ะครับ น้ำยำอร่อยนะ ผมชอบ...แต่ว่าผมไม่กินเครื่องในครับ เห็นในจานมีตับทอดมาด้วย เลยขอข้ามไปจากต่อไปนะครับ “ทอดมันหมูสูตรแม่หยา” นี่เลยที่ผมติดใจ มันเป็นทอดมันที่ไม่มีเครื่องแกงอ่ะครับ ผมไม่แน่ใจว่าเค้าใส่อะไรเป็นส่วนผสมบ้าง แต่ที่แน่ๆมันมีวุ้นเส้นครับ หมูนุ่มๆกินกับน้ำจิ้มเพลินดีเลยครับ



สิ่งนึงที่ผมชอบในร้านนนี้คือ มันได้บรรยากาศร้านอาหารสมัยเด็กๆที่มีเมนูไอศกรีม..ไอศครีมแบบว่าตกแต่งน่ารักๆเอาใจเด็กน่ะครับ บางเมนูผมนึกว่าสเวนเซ่นมาเองเลย ไม่ใช่แค่อาหารนะครับที่มีเมนูให้เลือกเยอะมาก ไอศกรีมก็ไม่แพ้กันครับ...นับได้กว่าสิบหน้าเลย




ร้านที่สอง: กินอาหารพื้นเมือง ฟังดนตรีสด ร้าน “คีตะกวี ดนตรี 4 ภาค”
ร้านนี้เหมาะมากสำรับคนที่ชอบฟังดนตรี โดยเฉพาะดนตรีแนวพื้นเมืองที่ผสมผสานกับดนตรีสมัยใหม่ ตามชื่อร้านเลยครับ นักดนตรีที่นี่เล่นดนตรีกันได้กลิ่นไอของทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาตใต้ ครบรส...นักดนตรีเก่งเว่อวัง คนเดียวเล่นได้หลากหลายเครื่องดนตรีเลย





พูดถึงอาหารร้านนี้สักหน่อยแล้วกัน แต่ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปประกอบเพราะบรรยากาศในร้านค่อนข้างแสงน้อย ถ่ายรูปอาหารยากนึดนึง แต่พูดได้เลยว่าถ้ามาร้านนี้ต้องกินอาหารแนวอาหารพื้นบ้าน ปลาน้ำโขง ปลาช่อน ไก่บ้าน รสชาติจัดจ้าน ครบเครื่องสมุนไพรครับ ได้เครื่องดื่มเย็นๆ นั่งฟังดนตรีสด...ฟิน 




ผมพาไปกินครบสามมื้อแล้วนะ หวังว่าจะชอบกันนะครับ พูดได้เลยว่าแต่ละร้านแต่ละสถานที่ที่ผมไป ผมและเพื่อนๆใช้เวลาเต็มที่มากๆ ไม่เร่งรีบ ไม่ต้องทำเวลา การเดินทางในอุดรจากที่นึงไปที่นึงใช้เวลาไม่นานเลย เพราะฉะนั้นเราค่อนข้างใช้ชีวิตช้าๆ มีเวลานั่งพูดคุยกัน คุยกับพนักงาน คุยกันเจ้าของร้าน นั่งมองคนอื่นๆที่มากินดื่มในร้านเดียวกัน
.
ถึงเวลาท่องเที่ยว...เราขยับออกไปนอกตัวเมืองอีกนิดนึงครับ ส่วนมากจะใช้เวลาช่วงบ่ายถึงเย็นของแต่ละวัน แล้วกลับมากินอาหารเย็นในเมืองตามที่ได้เล่าไปแล้ว วันแรก...ผมไปที่วัดหลวงตาบัว ญานสัมปันโน วันที่สอง...ผมไปที่คำชะโนด อำเภอบ้านดุง ครับ แฮ่ๆ...ก็อยากไปสโลว์ไลฟ์ทั้งกายและใจ ก็ต้องเข้าวัดกันหน่อยเนอะ

ที่แรก: วัดเกษรศีลคุณ
ถ้าพูดชื่อวัดนี้หลายคนคงจะไม่รุ้จักเป็นแน่ แต่ถ้าบอกว่า...ก็คือวัดหลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด ที่หลายๆคนเรียกกันนั่นเองแหละ เชื่อมั้ยครับ...น้อยคนจะรู้ว่าจริงๆแล้ววัดป่าบ้านตาด หรือวัดหลวงตาบัว มีชื่อวัดจริงๆว่า “วัดเกษรศีลคุณ” เพราะเราจะไม่เห็นป้ายชื่อวัดเลย ไม่แปลกที่ชื่อวัดไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ผมได้ทราบมาว่าจริงๆแล้ว นี่คือปริศนาธรรมที่หลวงตาบัวได้สอนบรรดาศิษย์ของท่าน 



หลวงตาบัวได้ละสังขารไปในเดือนมกราคม 2554 ซึ่งได้เกิดปาฏิหาริย์มากมายในระหว่างงานพระราชทานเพลิงศพรวมทั้งหลังจากงานฯ สื่อต่างๆลงข่าวการปรากฏเปลวไฟเป็นรูปหลวงตายืนอุ้มบาตร บรรดาลูกศิษย์ที่มาร่วมงานพิธีต่างก้มลงกราบพร้อมกับกล่าว “สาธุ” ไปทั่ว อัฐิของหลวงตาได้กลายเป็นพระธาตุ เป็นผลึกรูปร่างต่างๆกัน แม้แต่เส้นผม เล็บ ฟัน หรือชานหมากของหลวงตาก็กลายเป็นพระธาตุเหมือนกัน



ปัจจุบันศาลาการเปรียญเป็นที่เก็บอัฐิธาตุส่วนต่างๆของหลวงตาบัว และอัฐิธาตุของพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นด้วย โดยเฉพาะพระสงฆ์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รวมทั้งจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารของหลวงตาด้วย








ที่สอง: คำชะโนด
ถ้าคุณเคยได้ยินข่าวเรื่อง “ผีจ้างหนัง” ที่เป็นข่าวดังเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน และยังมีการเอามาทำเป็นภาพยนตร์ด้วยแล้ว ที่นี่ “คำชะโนด” คือที่มาของเรื่องนี้ ชะโนดเป็นชื่อของต้นไม้ตระกูลปาล์ม ต้นมีขนาดสูงเหมือนต้นตาล ชะโนดขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นบนพื้นที่ป่ากว่า 20 ไร่ ใน อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ป่าคำชะโนดเป็นที่พูดถึงมากในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเรื่องลี้ลับต่างๆ โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องวังพญานาค
.
ผมและเพื่อนๆเดินทางออกจากตัวเมืองอุดรไปยัง อ.บ้านดุง ในช่วงบ่ายของวัน ก่อนจะถึงป่าคำชะโนดจะต้องผ่านตัวอำเภอบ้านดุงครับ ที่นี่จะมีศาลหลักเมืองเจ้าปู่ศรีสุทโธอยู่ด้วย 



แวะจุดธูปกราบไหว้ศาลหลักเมืองเจ้าปู่ศรีสุทโธเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อเพื่อไปคำชะโนด ซึ่งระยะทางจากตัวอำเภอบ้านดุงไปคำชะโนดก็ไม่ไกลเท่าไหร่ อีกแค่อึดใจเดียวเราก็จะถึงแล้ว



จากถนนเส้นหลัก เลี้ยวเข้าไปตามป้ายอีก 13 กิโลเมตรก็จะถึงป่าคำชะโนดแล้วครับ พอเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นนี้ก็เจอร้านขายพานบายศรีตลอดทางเลยครับ พานบายศรีเป็นเครื่องบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนอีสาน ทำจากใบตองเป็นหลักและประดับด้วยดอกไม้





วันที่ผมไปกำลังจะมีพิธีบวงทรวงด้วยครับคนก็เลยเยอะมากเป็นพิเศษ แต่อีกฟากของป่า เดินเลยงานพิธีบวงทรวงไปก็จะเจอต้นไทรใหญ่ครับ จากร่องรอยแล้วน่าจะผ่านการขัดถูมาหมาดๆ เพราะวันที่ผมไปถึงคือวันที่ 17 ตุลาคม แสดงว่าเมื่อวานก่อนที่ผมจะไปถึง บริเวณต้นไทรคงคึกคักน่าดู






จบจากการเที่ยวชิลๆสโลว์ไลฟ์ในอุดรฯไปแล้ว คราวนี้มาสนุก มันส์ กับความเร็วกันหน่อย ผมจะพาไปดูงาน TOYOTA Motorsport 2015 ภายใต้คอนเซ็ฟท์ Fast Fun Fest ที่สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรฯ ครับ





เข้ามาในงานก็ไปลงทะเบียนก่อนเลยครับ งานนี้ลงทะเบียนแล้วจะได้รับบัตรเครื่องดื่มและป๊อบคอร์นฟรีด้วยครับ และยังมีเกมส์จับไข่เพื่อลุ้นรางวัลหน้างานด้วย



ภายในงานมีกิจกรรมให้ชมและร่วมสนุกมากมายเลยครับ เรียกได้ว่ามางานนี้เดินเพลินๆอยู่ได้ทั้งวันเลย ชมการอบรม Safety Driving Training by TOYOTA Racing School สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ทุกท่าน พิเศษสำหรับสาวๆ พบกับ LADY CORNER เพ้นท์เล็บฟรีไปเลย 



ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดกับดารานักร้องที่เข้าร่วม TOYOTA Racing Star Team พบกับ กวาง AB normal เติ้ล ธนพล ซานิ AF6 และ นาตาลี เดวิส



Meet and Greet กับพรีเซนเตอร์ของโตโยต้าอัลติส “ไมค์ พิรัช” ที่มาพบแฟนคลับอย่างใกล้ชิด และแสดงมินิคอนเสิร์ตด้วยครับ



พิเศษสุดๆสำหรับคนที่มาร่วมงานนี้และชื่นชอบรถแข่ง ทาง TOYOTA เปิดโอกาสให้ทุกคน Walk On Track เพื่อชมรถแต่ง รถแข่งของ TOYOTA Racing Star Team รวมทั้ง Super Car ด้วยครับ



นาทีระทึก สุดตื่นเต้นก็คือการแสดง Car Performance ซึ่งงานนี้ทาง TOYOTA เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานที่ได้รับการคัดเลือก หรือร่วมเล่นเกมได้เข้าไปนั่งข้างคนขับเลยครับ งานนี้มีรถมาแสดงสมรรถนะกันครบทั้ง Vios Altis Revo





นอกจากนั้น TOYOTA ยังมีกิจกรรมร่วมกับทางสถาบันการศึกษาในจังหวัดอุดรฯ มีการประกวดกองเชียร์ ประกวดเต้นด้วยครับ



ไหนๆงานนี้ก็มีวัยรุ่นมากันเยอะแล้ว วัยรุ่นได้มันส์กันต่อกับคอนเสิร์ต Big Ass เต็มวง หลังจากการประกาศรางวัลต่างๆเสร็จสิ้น ก็ปิดงานด้วยคอนเสิร์ต Big Ass ยาวไปๆเลยครับ







 
#iHEREGO
สามารถพูดคุยกับผมได้ที่
 https://www.facebook.com/GrowMyFood.iHEREGO/





 
Created date : 26-11-2015
Updated date : 26-11-2015
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : iHereGo

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles