[review] Tofu Factory โรงงานเต้าหู้ที่น่ารักที่สุดจากญี่ปุ่น โดย Umenohana Thailand [VarinTheTale]

 
 
 
จากชื่อเรื่อง สรุปแล้วอะไรที่น่ารักกันแน่ล่ะ ?… โรงงาน หรือ เต้าหู้ ?
งั้นทรายจะบอกว่า ก็ทั้งคู่เลยค้า ...ตามมาดูกัน!
 
จากบทความที่แล้ว ทรายเพิ่งได้เคยสัมผัสไคเซกิเป็นครั้งแรกที่
ร้านอุเมะโนะฮานะ ซอยทองหล่อ 13 …บรรยายไปเต็มที่สุด ๆ แต่ก็บรรยายไม่หมดสำหรับรายละเอียดของร้านนี้ ...ประหนึ่งว่า ฤดูใบไม้ผลิทำให้ต้นบ๊วยออกดอกบานสะพรั่งสวยงามไปทั้งต้น …เปรียบคือ ความประทับใจที่ไม่รู้โรย ไม่จบสิ้น...
 
ไม่น่าเชื่อเลยว่าการรับประทานอาหารจะทำให้เราได้เชื่อมต่อกับอารมณ์บางอย่าง…

เวลาเราทาน เรามองไปที่อาหารบนจาน เราจะคิดโดยพลันว่า กว่าพ่อครัวจะทำออกมาได้ต้องมีสมาธิแค่ไหน เคร่งครัดแค่ไหน ถ้าไม่รักก็ออกมาแบบนี้ไม่ได้…เวลาพนักงานเสิร์ฟมาพูดคุยกับเรา และดูแลยกย่องอย่างดีนั้น เค้าต้องตั้งใจฝึกฝนแค่ไหน ด้วยสายงานบริการถ้าไม่รักจริงก็เข้าถึงและเข้าใจลูกค้าไม่ได้ …หลังจากนั้น ก็คิดเลยเถิดมาถึงต้นสายที่สำคัญที่สุดของร้าน ซึ่งก็คือวัตถุดิบ …กว่าจะได้วัตถุดิบมาทำอาหารเหล่านี้ต้องค้นคว้า ยุ่งยาก และเซียนแค่ไหน เพราะถ้าไม่รู้จริงก็จะรักษามาตรฐานของร้านไม่ได้มาหลายปีขนาดนี้
 
ถ้าจะสรุปคำถามในใจนั้นก็คือ การจะรักษาสิ่งใดไว้ได้นานต้องใช้จรรยาบรรณในใจระดับสูง ที่จะคงร้านต้นตำหรับแบบนี้ไว้ได้...
 

 
จากครั้งที่แล้ว ทรายทราบว่าพระเอกของร้านนี้ นอกจากปูแล้ว ยังมีเต้าหู้ ที่ร้านใช้เป็นส่วนประกอบในจานซะเยอะ แล้วรสชาติก็ดีเกินความคาดหมายของเต้าหู้ที่เคยได้สัมผัสมาเลย …ลาขาดเต้าหู้เหม็นเขียวตลอดกาล
 
ทางร้านคงจะมีเคล็ดลับบางอย่างที่จะสามารถยับยั้งความเหม็น ความหืนได้ ?
คงมีเทคนิคส่วนผสมอะไรที่ใส่ตอนทำอาหาร ?
นำเข้าส่วนประกอบบางอย่างมาจากญี่ปุ่น ?
 
“เราสร้างโรงงานผลิตเต้าหู้โดยเฉพาะเลยค่ะ” …นี่คือคำตอบ
ดะ เด๋ววว เพื่อส่งเข้าร้านนี้โดยเฉพาะ!


 

...และในที่สุด วันนี้ทรายก็ได้มาดูตำนานเต้าหู้กับตาตัวเอง ดุจดั่งได้บัตรทองเพื่อท่องเที่ยวโรงงานช็อกโกแลตในวิลลี่วองก้า
เป็นการทัศนศึกษาที่เกินความคาดหมายค่ะ ก็เพราะปกติไม่มีที่ไหนเค้าให้ดูหรอก ธุรกิจที่บ้านทรายก็เป็นโรงงานเหมือนกั๋นก็ไม่ได้เปิดให้ใครไปส่องหรอกนะ 555
 

 
โรงงานอยู่ที่บางบัวทอง นนทบุรีเลย ลุยยๆๆ
 
โรงงานมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็โออ่ามากกว่าจะทำแค่เต้าหู้อย่างเดียว
เมื่อมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีมากกกก ทุกคนออกมาทักทายกัน รู้สึกถึงบรรยากาศครอบครัวญี่ปุ่นเลยล่ะฮะ
 
โรงงานอุเมะโนะฮานะ (ประเทศไทย) นี้ได้การรับรองGMP แล้วครับ มีผู้จัดการโรงงานเป็นชาวญี่ปุ่นที่เข้าใจและพูดภาษาไทยได้ระดับนึง ชื่อคุณโอกาว่าซัง …แต่อย่างไรแล้ว ภาษาก็ไม่ใช่อุปสรรคในการสื่อสารหรอก เพราะด้วยการปฏิบัติ ท่าทางทุกอย่าง เราก็จะเห็นความขยัน ความจริงใจได้อย่างชัดเจนแล้ว ...และโดยเฉพาะวันนี้ คุณโอกาว่าซังตั้งใจเป็นผู้อธิบายการเข้าชมโรงงานด้วยตัวเอง เพราะเค้าได้ตระเตรียมและท่องจำภาษาไทยมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ!! ห้ะ!
...น่าร้าคคคมั้ยล่ะะะ

 

 
นี่คือโรงงานผลิตเต้าหู้ที่น่ารักที่สุดในโลกเลยอย่างไรเล่า
เรามาเริ่มทัวร์กันดีกว่า โอกาว่าซังพร้อมเดสสส..

 
 
 
1. การเริ่มเดินทางของคุณถั่ว
ภาพนิ่ง1.PNG

โรงงานที่ได้มาตรฐานต้องมีความสะอาดสูง โดยเฉพาะสายงานผลิตอาหาร ก่อนเข้าห้องผลิตเราต้องไม่ละเลยที่จะคลีนตัวเองให้สะอาด คลีนให้หมด ความสกปรกความชั่วเอาออกไปให้หมดนาคาาา
กว่าจะเป็นเต้าหู้ที่น่ารัก น่ารับประทานที่สุดแล้วเนี่ย ต้องเริ่มจากวัตถุดิบสำคัญ นั่นก็ คือ “ถั่ว”

**นอกจากทุกคนจะเฟรนลี่แล้วเนี่ย ทุกคนยังช่วยกันรักษาความสะอาดอย่างดี เพราะที่นี้สะอาดมากกกก
 

2.  ด่านแรก คุณถั่วเก็บตัว
ภาพนิ่ง3.PNG

ถั่วที่ผลิตเต้าหู้สุดเอร็ดอร่อยได้ต้องเป็นพันธุ์เฉพาะ โรงงานแห่งนี้เลือกใช้อยู่ 2 ชนิด...
เราเข้าห้องเย็นกันเพื่อมาดูสถานที่เก็บถั่วค่ะ อุณหภูมิเป็นเรื่องสำคัญมากกกข่า นอกจากจะรักษาสภาพวัตถุดิบให้อยู่ได้นานแล้ว ยังรวมไปถึงการคงไว้ซึ่งอุณหภูมิของน้ำเมื่อเวลาเราต้องแช่ถั่วด้วย
ภาพนิ่ง4.PNG

ถั่วแรก คือถั่วเหลืองนำเข้าจากญี่ปุ่นหน่าก้ะ ทางร้านจะคัดสรรมาเฉพาะพันธุ์ที่ดีที่สุดตามฤดูกาลที่ญี่ปุ่นก้ะ แล้วที่เราเห็นอยู่นี้มาจากฮอกไกโด ชื่อโทโยมาซาริ ...ถั่วจะมีรสชาติหวานก้ะ
ถั่วสอง คือถั่วเหลืองจากไทยเรานี่แหละขอรับ ใครว่าถั่วเหลืองไทยไม่ดี คนญี่ปุ่นเนี่ยไม่เห็นด้วยนะ เค้าบอกว่าของไทยเนี่ยดี รสชาติไม่หวานแต่โปรตีนเยอะ ดังนั้นเค้าจึงคิดค้นวิธีการใช้เจ้าถั่วไทยให้ออกมาเป็นเต้าหู้ที่แสนอร่อยได้เหมือนกัน สามารถมากๆๆขอรับ
ภาพนิ่ง5.PNG

เมื่อถั่วเหลืองทั้งสองได้ถูกคัดเลือกให้เข้าบ้าน(ห้องเย็น)แล้ว เราก็ต้องนำพวกเค้าไปฟิตกันหน่อย โดยการแช่น้ำก่อนนนน

การแช่น้ำนั้น ต้องใช้น้ำ RO ที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 5 องศาเซลเซียส เย็นมาก ๆ เพราะว่าน้ำจะได้ซึมเข้าเนื้ออย่างช้า ๆ ช้าจริงๆ เพื่อความทั่วถึงอย่างเท่าเทียมประชาธิปไตยค่ะ
ถ้าจะใช้น้ำร้อนก็ได้นะ แต่มันจะซึมเร็วเกิ๊นนน เนื้อไม่สม่ำเสมอ กดดันคอมมิวนิสต์กันเกินไปค่ะ ที่นี่ต้องให้ถั่วรีแลกซ์ เต้าหู้ถึงได้น่ารัก(ต่อการรับประทาน) 


+ แล้วทำไมต้องน้ำ RO ? ก็น้ำชนิดนี้เป็นน้ำที่เข้ากระบวนการกรองจนไม่มีแร่ธาตุหรืออะไรหลงเหลืออยู่แล้ว ใส ๆ เลย ดังนั้นเราถึงจะสามารถคุมระดับโปรตีนได้แม่นยำกว่า

เสร็จแล้วจึงมา​ล้างเนื้อล้างตัวคุณถั่วให้สะอาดถึง 2 รอบและน้ำ RO อีก 1 รอบ เพื่อเตรียมตัวสู่ขั้นตอนต่อไป...

** ใส่ใจแม้กระทั่งการฟูมฟักถั่วระยะเริ่มต้น เน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ ใจเย็นยิ่งกว่าห้องเย็น555
 

3.  ด่านที่สอง คุณถั่วกลายร่าง
 
ภาพนิ่ง7.PNG
เมื่อถั่วพร้อมแล้ว เราก็เดินตามมาห้องที่ 2 เลย
อุเมะโนะฮานะเป็นเต้าหู้โฮมเมดที่ใช้เครื่องจักรนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหมด เพื่อให้ได้มาตรฐานเหมือนที่โน้นก้ะ มีความทันสมัยแต่ก็มีความประณีต เพราะก็ยังต้องใช้ความแม่นยำของพนักงานในการดูแลเต้าหู้ค่า
 
เครื่องจะต้องล้างด้วยน้ำร้อนก่อนทุกครั้งในทุกรอบ เพื่อความสดและสะอาดจริง ๆ นะ
เมื่อ
ถั่วถูกลำเลียงมาใส่ในเครื่องแล้ว ทีนี้ก็บดเลยยย... 
ตอนบดจะใส่น้ำ RO เข้าไปด้วยในปริมาณที่พอดีกับถั่ว
 
ภาพนิ่ง8.PNG
ถั่วที่บดแล้วถูกนำมาลงที่หม้อต้ม ร้อนปุ๊ด ๆ 96 องศา พอดิบพอดี โดยใช้เครื่องวัดเพื่อความแม่นยำ เราต้องการความเป๊ะที่สุด เพราะจะมีส่วนส่งผลถึงการฆ่าเชื้อและเนื้อของถั่วในเวลาเดียวกัน
...ดังนั้นเพื่อความอร่อยที่สุดแก่ลูกค้านั้น จึงต้องใช้มาตรฐานของเครื่องมาช่วย และยังต้องพึ่งพี่ ๆ พนักงานมาช่วยคนด้วยอีกแรง
ร้อนมากกกนะ สู้ๆๆ
 
ได้ที่แล้วก็เข้าเครื่องแยกกากเลย...
ทีนี้ล่ะ!!! เราก็จะได้ยลน้ำถั่วเหลืองสีเหลืองอ่อนละมุนครีมมี่ ๆ ที่ปลายสุดของเครื่องจักร

นี่คือการกลายร่างของคุณถั่วเหลืองขั้นแรก
** กว่าคุณถั่วจะกลายร่าง พี่ ๆ ดูแลเครื่องมืออย่างดี ทุกคนช่วยกันประคองและรักษาความสะอาดตลอดเวลา น่ารักประทับใจ
 

4.  ด่านที่สาม น้ำเต้าหู้สุดละมุน
58.JPG

แค่ขั้นแรก เราก็ได้ผลผลิตสุดอร่อยแล้วล่ะฮะ ก็น้ำนมถั่วเหลืองไง เรานำมาบรรจุขวดด้วยกัน 2 แบบ 2 รสชาติ นั่นก็คือรสต้นตำหรับ และรสน้ำผึ้งค่ะ
-ใส่น้ำผึ้งเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มความหวาน สำหรับคนที่ชอบหวาน ส่วนรสต้นตำหรับเนี่ยก็ไม่ได้จืดซะทีเดียว เพราะถั่วมีรสชาติหวานอยู่ด้วยฮะ
 

เนื้อของน้ำจะเข้มข้นกว่าที่อื่นเลย เพราะใช้ถั่วเหลืองเยอะ และมีวีธีการทำที่ละเอียด (ก็เห็นไปแล้วนี่เนอะ^^)
เนื่องจากทรายเป็นแฟนคลับน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง จึงสัมผัสได้เลยว่าที่นี่เนื้อเนียนแน่น ดื่มแล้วอิ่มได้ ไม่เจือจางโหวงเหวง เพราะเนื้อถั่วเน้น ๆ (ดูมากับตา) ...

ส่วนเรื่องรสชาติ ก็ชิมกันเล้ยตรงนั้น อินสุด ๆ รสดั้งเดิมนี้ก็โอเคแล้วเนะ ส่วนรสน้ำผึ้งก็จะหวานขึ้นมาหน่อย... ใครชอบทานหวานต้องถูกจายยแน่เลย เค้าใช้น้ำผึ้งด้วยยิ่งรู้สึกว่ารสเข้ากันดีจริง ๆ ...

** เป็นน้ำนมถั่วเหลืองที่น่ารักถูกปาก และมีประโยชน์นะคะ ได้โปรตีนเน้น ๆ
 

5.   ด่านที่สี่ ฟองเต้าหู้โอชะ
24.JPG

เฮ้ เรามาดูที่ขั้นที่สองสิ ดูสนุกดีค่า...
เราใช้น้ำถั่วเหลืองเมื่อซักครู่มาทำฟองเต้าหู้ด้วย เป็นการกลายร่างแบบที่ 2 โดยการเทใส่แท่นต้มรูปร่างสี่เหลี่ยมแบบนี้ แล้วตั้งไฟ รอไปราว ๆ 3 นาที …
ภาพนิ่ง10.PNG

สีของน้ำจะกลายเป็นสีเหลืองเข้มขึ้นที่ผิวด้านบนค่ะ แล้วสังเกตดูว่ามันเป็นแผ่นฟิล์มใสตึง ๆ แล้ว ก็แสดงว่าได้ที่แล้วน่ะสิ ทีนี้ก็ต้องพึ่งพี่พนักงานมาเก็บฟองให้ดูค่ะ...
เริ่มจากใช้ตะเกียบเหล็กเซาะรอบ ๆ ถาด ให้ครบนะ!! ไม่งั้นดึงไม่ขึ้นนะเออ แผ่นฟองจะไม่จ๋วย แล้วใช้ตะเกียบเดิมง้างฟิล์มตรงกลางถาด แล้วช้อนขึ้นสูง  ๆ เลย เสร็จแล้วก็รูดดด แล้วรวบไปผึ่งที่ราวค่ะ ...
30.JPG

แบบนี้นะ รอสะเด็ดอีกหน่อยก็บรรจุเลย
555 ทำแบบนี้ไปจนกว่าจะได้ครบถาดล่ะ ต้องใจเย็น ๆ ...กว่าจะได้ฟองเต้าหู้ทั้งนุ่มและแน่น

** พี่พนักงานใจดี ทำฟองเต้าหู้โชว์แบบเป็นกันเองล่วย
 

6.  ด่านที่ห้า คุณเต้าหู้อร่อยสุด (ๆ)
ภาพนิ่ง11.PNG

ทีเด็ดของการทำเต้าหู้ให้ออกมาน่ารัก(ต่อการรับประทาน)นั้น นอกจากพระเอกจะเป็นถั่วแล้ว แต่นักแสดงซัพพอตที่ขาดไม่ได้เหมือนกันคือ ดีเกลือ ฮะ ...ซึ่งดีเกลือนี่เองที่ทำให้พระเอกของเราเป็นผู้เป็นคน ...เอ้ ย ! เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เพราะจะทำให้โปรตีนถั่วเหลืองนั้นแยกดีแยกชั่วได้ เอ้ย ! ไม่ใช่ แยกน้ำแยกเนื้อได้ค้า...
- ดังนั้นถั่วไทยและถั่วญี่ปุ่น จึงใช้ดีเกลือคนละแบบกันฮะ (ก็ระดับโปรตีนไม่เหมือนกันเนอะ) อ้อ ลืมบอกไปว่าที่นี้ใช้ดีเกลือญี่ปุ่น ไม่ใช่ของฝรั่งที่ทั่วไปเค้าใช้กัน
 
นี่ล่ะ คือการกลายร่างขั้นสุดท้ายของถั่วเหลือง เป็นเต้าหู้ขั้นสุดยอด
 
+ เมื่อน้ำถั่วเหลืองผสมดีเกลือแล้ว รีบเทลงบล็อกเลย พี่เค้าเทไม่หกซักนิด
วิธีการตรงนี้ต้องใช้ฝีมือคนทำทั้งหมด เพราะต้องละเอียดลออละมุนละม่อมพอสมควร กว่าจะได้เต้าหู้ขั้นสุดยอด เนี่ยอะจ้ะโฮมเมด...
+ เมื่อน้ำจับเป็นก้อนเร็วดีแท้ หนืดกลายเป็นวุ้นแล้ว พี่ ๆ นำไม้มาปาดเอาฟองออก
+ เหมือนเก็บตกความสวยงามให้เรียบร้อย แล้วก็เทน้ำเข้าไปอีกทีเดี๋ยวเต้าหู้จะแห้งเกินไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าไง
+ ต่อมาเพิ่มดีเกลือเข้าอีกเพื่อการจับเป็นก้อนที่สมบูรณ์แบบได้รูปที่ต้องการ
+ พอคุณเต้าหู้ใกล้จะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เราก็ต้องห่มผ้าให้เลย เรียกว่าห่อให้เข้าที่เพื่อปิดผนึกไล่น้ำไล่อากาศ จะได้ยลโฉมเต้าหู้เต็มตัว
 



...เก็บเต้าหู้โดยใช้แท่นเหล็กทับเลย ทีนี้จะได้รูปร่างเต้าหู้ที่เข้าที่จริม ๆ ละ 

** เต้าหู้ที่นี้เหมือนถูกทำสปาเลย
 

โห ได้บล็อกสี่เหลี่ยมมาแล้ว.........
ไงต่อล่ะ จับลงน้ำเลยพะยะค่ะ แล้วใช้มีดหั่นเองเลย แม่นไม่แม่นให้รู้กันไป

....หั่นบนผืนน้ำ! >< เพื่อลดแรงเสียดทานแหละเทอ (เหมือนคลอดลูกในน้ำ)
พี่เค้าตัดได้พอดี …เค้ายังบอกอีกว่าถึงจุดนี้เราก็สามารถแยกได้เองเลยว่าเต้าหู้ชิ้นไหนไม่ดี ไม่ได้ที่ ก็ทิ้งเลยค้าา เฮ้ยย


ถึงเวลาลงกล่องที่พอดีกับตัวเต้าหู้เลย และมีความน่าจิ้มเล่น


เนี่ยล่ะ เต้าหู้ที่น่ารักที่ฉุดดดดด...
เราได้เต้าหู้สุดยอดมาเชยชมแล้วในที่สุด เมื่อแพ็คเสร็จก็เก็บลงบ่อน้ำเย็นเพื่อสต๊าฟเค้าไว้ค่ะ รอนำส่งต่อไป


แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ... ก่อนที่เต้าหู้จะไปต่อ เราก็ขอดึงตัวมาพิสูจน์กันซักหน่อย...
โดยใช้โชยุ สูตรพิเศษ มาทานคู่กัน (อื้อออหื้อออ น้ำจิ้มเด็ดจิ๊งงง)
อร่อยคุ้มค่าทุกนาทีที่รอชมเล้ยยย


กว่าจะได้เต้าหู้ที่น่ารักต่อผู้ทานขนาดนี้ ก็ต้องได้คนที่เข้าใจในการทำด้วยเช่นกัน...

ทุกคนที่โรงงานขยันขันแข็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังต้องใส่ใจพิถีพิถันอีกด้วย  ก่อนที่รถจะลำเลียงเต้าหู้ออกไป และเราก็จะลากลับกันแล้วนั้น...โอกาว่าซังเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการออกมาส่ง พร้อมยังให้ของฝากเรานำกลับไปทานที่บ้านอีก เป็นคนญี่ปุ่นอีกหนึ่งคนที่ใจดี แล้วเราก็ประทับใจกันมาก ๆ
 
**ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกจากโรงงาน ทรายก็ยังเห็นโอกาว่าซังยืนส่งที่ประตู พร้อมกับโบกมือให้อยู่เรื่อย ๆ …พอรถเคลื่อนออกไปไกลแล้ว เค้าก็ออกมายืนกลางถนนแล้วก็ยังโบกมืออยู่เนือง ๆ …จนรถเคลื่อนมาสุดถนนก่อนที่รถจะเลี้ยวออก ระยะทางไกลลลลมากแล้วแท้ ๆ โอกาว่าซังก็ยังโบกอยู่! ...(เอ่อ พอดีสายตายาวววว)
...จนรถของเรากำลังจะเลี้ยวพ้นสายตา จังหวะนี้แหละ... โอกาว่าซังโค้งต่ำ(มาก) เพื่ออำลาครั้งสุดท้าย ก่อนกลับเข้าโรงงานไป …นี่เป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นจริง ๆ และเชื่อว่าจังหวะนี้ไม่มีใครเห็นหรอก เพราะสุดสายตาแล้วจริง ๆ แต่ทรายโฟกัสจริงจังเลยเห็นค่ะ น้ำตาไหลเลยทีนี้ ซึ้ง!!
...ถึงตรงนี้ ทรายเลยได้กลับมาเรียนรู้ว่า การปฏิบัติด้วยใจนั้น มันไม่ใช่เฉพาะตอนอยู่ตรงหน้าใครหรืออะไร... เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจิตวิญญาณของเราก็อยู่ที่นั่น เราเคารพและซื่อสัตย์ต่อตนเองมากแค่ไหน เคารพผู้อื่นก็เหมือนเคารพตัวเอง ให้เกียรติผู้อื่นก็เหมือนให้เกียรติตัวเอง สร้างการขัดเกลาในจิตใจไปเรื่อย ๆ ...เราจะเป็นคนแบบไหนก็อยู่ที่ใจภายไหนหล่อหลอมมาอย่างไรด้วยเช่นกัน...
…ทรายเชื่อว่าโอกาว่าซังไม่ได้คาดหวังว่าเราจะเห็นด้วยซ้ำ แต่แน่นอนตัวเค้าเองที่รู้อยู่เต็มหัวใจ ^^ เนะ ๆๆ

 

7.    ด่านสุดท้าย อิตาดาคิมัสสสส (ทานนนนนแล้วนะค้า)
ยัง ๆ ทริปนี้ของเรายังไม่จบ เราเดินทางมาต่อที่ร้านอุเมะโนะฮานะค่ะ เราต้องมารับกรรม เอ้ย.. มาชิมเต้าหู้ที่เพิ่งไปทัศนศึกษากันมา
เพราะรสชาติแบบนี้มีที่นี้ที่เดียว

วันนี้เราทาน Umenohana Zen Lunch Set ค่ะ
เป็นเซ็ทเต้าหู้โดยเฉพาะเลย ซึ่งคณะเราตั้งตารอคอยอยู่แล้ว
ถือว่าเป็นเมนูสุขภาพดีทั้งนั้น ทานได้เต็มที่ไม่มีรู้สึกผิด


HIKIAGE YUBA
ฮิกิอาเกะ แปลว่าการดึงขึ้น ส่วน ยูบะ คือฟองเต้าหู้นั่นเอง
จานแรกไม่ทำให้ผิดหวังเลย เราจะได้ลองคีบฟองเต้าหู้เหมือนพี่ ๆ พนักงานแล้วค่ะ
ไม่ยากค่า ถ้าใครใช้ตะเกียบชำนาญ
 

เมื่อคีบเสร็จแล้ว เราปรุงหน่อยด้วยโชยุ แล้วขูดส้มยูสึลงไป
เรียบร้อยแล้วก็เหวยได้เลย...
รสชาติแปลกใหม่เนะ เลอค่าในปาก

*ส้มยูสึ เป็นส่วนผสมหลักของร้านนี้เลยก็ว่าได้ หาทานยากและไม่มีในเมืองไทย สังเกตว่าเมื่อมีส้มชนิดนี้ผสมในเมนูจานไหนจะรสชาติลงตัวแปลกใหม่มากเลยค่าาา

**จานนี้ดี๊ดี นอกจากจะสุขภาพดีแล้ว เมื่อมาทานกับเพื่อนหรือพี่น้อง ทำให้สามัคคีและเอื้อเฟื้อต่อกันด้วยแหละ
 

MINEOKA TOFU
จริงๆแล้ว มิเนะ แปลว่ายอด โอกะ แปลว่าภูเขา ผสมกันแล้วกลายเป็นเต้าหู้ที่มีรูปร่างเหมือนยอดภูเขา ใช้ครีมผสมเนื้อเต้าหู้ แล้วส่วนยอดสีส้มใช้ซอสยูสึมิโซะทำค่ะ
หน้าตาน่ารักแล้ว รสชาติก็น่ารักด้วยย
TONYU TOFU
โทนิวคือนมถั่วเหลือง จานนี้เป็นโมจินมถั่วเหลืองทอดแล้วลาดด้วยซอสน้ำแดง ถ้วยนี้เข้ากันแบบลงตัวมาก ประหลาดใจ


HIYASHI TOFU
ฮิยาชิแปลว่าแช่เย็น ดังนั้นจานนี้เป็นเต้าหู้เย็น ซึ่งเป็นไฮไลค์ของเรานั่นเอง ในที่สุดก็ได้กินเต็ม ๆ คำ แถมมีเครื่องเคียงมาเพิ่มอารยะแบบคนญี่ปุ่นด้วย บอกเลยว่าเป็นกลิ่นไอสไตล์ญี่ปุ่นจริง ๆ
YUBA AKE
อาเกะ คือการทอดจนสุกค่ะ ซึ่งจานนี้เป็นฟองเต้าหู้ม้วนด้วยเนื้อปลาแล้วนำไปทอดร้อน ๆ (แต่ไม่อมน้ำมัน) แล้วหยอดน้ำเลม่อนลงไปหน่อย เรียกว่าเป็นจานที่ทรายการันตีรสชาติเลยค้าบ ให้ 10 กะโหลก  


YUBA MISO SOUP
เป็นซุปมิโซะที่ใช้ฟองเต้าหู้ ทรายว่าออกมาดีมากกว่าใช้เต้าหู้ปกติเสียอีก น้ำมิโซะเข้าฟองเต้าหู้ทำให้เจ้มจ้น
ไข่ตุ๋น 
ชามนี้ก็ว่าเนื้อเนียนเกินคาดแล้ว ด้านในยังมีเครื่องหลากหลายผสมลงไปอีก ต้องลองไปชิมนะคะ ไม่ใช่ไข่ตุ๋นธรรมดาแบบร้านทั่วไปนะเออ
 

TOFU SHUMAI
ชูมัยคือเกี๊ยวแป้งห่อใส้ จานนี้ก็เรียกว่าเป็นขนมจีบห่อไส้เนื้อกุ้งมาเต็มคำ เต็มแน่นด้วยรสชาติที่ดีน้ำตาจะไหล
NAMAFU DENGAKU
นามะฟุคือแป้งสาลี ส่วนเดงกากุคือการย่าง เป็นจานที่น่ารัก แปลก แต่ทรายชอบมาก เป็นแป้งหนึบ ๆ ที่ลงตัวดีมากทั้งคู่ จะไปหาทานที่ไหนได้เนี่ย... เวลาทานต้องไม้สีเหลืองก่อน เป็นรสยูสุมิโซะ แล้วต่อด้วยเขียว คือคิโนะเมะมิโซะ ก้ะ
CHIRASHI SUSHI
ชิราซิ แปลว่ากระจาย แน่นอนว่ากล่องนี้คือซูชิที่กระจายไปด้วยปลาสด ไข่กุ้งอยู่เต็มหน้าเลย แน่น.. เต็ม.. เต็ม.. คำ..


TOFU PUDDING
ปิดท้ายด้วยของหวานตลอดกาลของทราย โปรดมากที่สุดเลย เป็นพุ้ดดิ้งเต้าหู้ แบบรสชาติที่ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน โหยหาและคิดถึงเสมอ ดื่มไปพร้อมกับชาโฮจิฉะ นะคะ
Happy Ending .....
 
เมื่อได้ทานอาหารที่ร้านอุเมะโนะฮานะ นอกจากจะได้ซึบซาบวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบสุด ๆ และความประทับใจของพนักงานที่นี้ทุกคนแล้ว ยังทำให้ตราตรึงใจเรื่องรสชาติอาหาร... รสชาติของตำหนักดอกบ๊วยนี้ประกอบขึ้นเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ดังนั้นแต่ละจานจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เคยมีที่ไหน และจะไปหาทานที่ไหนก็ไม่ได้ เรียกว่ากลับบ้านไปก็ยังนึกถึง... 
 

วันนี้ได้มาเยือนโรงงานที่ผู้คนน่ารัก ทำเต้าหู้รูปร่างและรสชาติน่ารัก ดังนั้นก็จะส่งผลให้ผู้ที่ได้ทานรู้สึกเบิกบานใจ... ซึ่งนอกจากทุกคนจะเดินทางมาที่ร้าน
อุเมะโนะฮานะ โครงการนิฮอนมูระ ซอยทองหล่อ 13 เพื่อมาทานเมนูเต้าหู้ให้เบิกบานสมคำร่ำลือแล้ว... ยังสามารถซื้อเต้าหู้สุดยอดนี้และน้ำนมถั่วเหลืองเข้มข้นไปประกอบอาหารเองที่บ้านได้ด้วย เนื่องจากมีหลายคนถามหาและอยากซื้อเสมอ ทางร้านเลยมีวางจำหน่ายแล้วที่ UFM FUJI ซุปเปอร์มาเก็ตค่ะ จะได้เปิดโอกาสให้คนภายนอกได้บริโภคเต้าหู้ที่อร่อยสุโก้ยไปด้วย... ดี !

สำหรับการเดินทางทั้งหมดนี้ ทรายรู้สึกขอบคุณทางอุเมะโนะฮานะมาก ๆ ขอบคุณทุก ๆ คนจากใจ และไม่รู้จะมีสิ่งใดตอบแทน นอกจากบทความนี้ที่ได้เขียนขึ้นมา เพื่อแสดงและเล่าประสบการณ์อันสุโค่ยยยให้ผู้ที่ได้อ่านเข้าใจและติดตามกันคร่ะ...


 
*******************************
ติดต่อ พูดคุย สอบถาม ปรึกษา หารือ ให้กำลังใจกันได้ตลอดที่
Fanpage 
RunTheWorld และ 
IG: Varinthetale นะฮะ
*******************************
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : Varin the tale
นอกจากการทำสิ่งที่ต้องทำ เพื่อตัวเองและตอบแทนคุณผู้มีพระคุณ... เป้าหมายกว้างใหญ่ของทรายสีนั่นคือ การค้นพบและขยายเรื่องราวเอกลักษณ์อันเฉพาะ (Art of culture and talented) ของชาวไทยให้มีความภูมิใจและเด่นชัดในระดับนานาชาติ... Branding ประเทศไทยให้เป็น Land of talented... อย่างน้อยในฐานะคนไทยที่รักในหลวง ติดตามต่อได้ที่ เพจ Run The World

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles