นับเป็นครั้งแรกสำหรับผมที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานนี้
Soi NaNa Craft+Jumble Trail ครั้งที่ 4 ย่านสุดอาร์ตแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
ก้าวแรกที่มาถึง..ผมกวาดสายตาเข้าไปใน ซอยนานา บอกได้เลยว่า นี่มัน “ซอยนานาชาติ” ชัดๆ บรรยากาศแบบบ้านโบราณ ผู้คนยิ้มแย้มสังสรรค์ ผมสัมผัสได้ถึงเสน่ห์บางอย่างของที่นี่
ในวันนี้เหล่าร้านค้าเก่าแก่กลางกรุง ในย่านซอยนานาเค้าพร้อมใจกัน ปิดซอย-เปิดบ้าน
ต้อนรับเพื่อนๆทั้งคนไทยและต่างประเทศ เข้ามาเยี่ยมเยือน เดินลัดเลาะเข้าตามตรอกออกตามซอย เสพของเก่าหายาก เลือกซื้อเสื้อผ้าวินเทจเด็กแนว เสพงานอาร์ต (Abstract) และงานทำมือ (Handmade) กิ๊บเก๋โดนจิตโดนใจเหล่าวัยรุ่นฮิปเตอร์
คราฟต์เบียร์ หอมๆ แบบบุฟเฟ่ต์เมาไม่อั้นแค่ 250 บาท แม่จ้าววว.. ใครเป็นคอเบียร์ก็อาจจะหลงซอยกลับบ้านไม่ถูกกันเลยทีเดียว
กลิ่นหอมผัดซีอิ้วปลิวมาเตะจมูกตั้งแต่ต้นซอย
แค่เห็นท่วงท่าลีลาในการสะบัดตะหลิวของคุณลุงก็รู้ได้ทันทีว่าอร่อยๆแน่นอน แถมผัดด้วยเตาถ่าน เก่าเก๋าแบบนี้หากินยากเลยต้องจัดสักหนึ่งชาม
ดูหน้าตาธรรมดาแต่ขอบอกว่าหอมติดจมูกมากนะจ๊ะ
ดมกลิ่นผัดซีอิ้วเตาถ่านกันพอหอมปากหอมคอ
ผมก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะออกไปกระหน่ำชัตเตอร์ให้สะใจ
.
.
.
ผมลุกขึ้นมองดูไปรอบๆ เห็นเป็นตึกเก่าแก่กับสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล ที่ยังคงความคลาสสิค แฝงไว้ด้วยความมีเสน่ห์และความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผมเลือกตึกแรกที่ต้นซอยเพราะมีคนนั่งกระดกขวดเบียร์กันมากที่สุด แต่ละคนจับกลุ่มนั่งคุยกันตามอัธยาศัย
ร้านนี้ชื่ออะไรผมไม่ทราบ แต่ที่รู้ๆคือมีดาดฟ้าอยู่ด้านบนที่น่าสนใจมาก
.
.
.
ตึกเก่านี้มี 3 ชั้น ผมเดินผ่านชั้นแรกที่มีคนนั่งจ้อกันเต็มร้าน
ขึ้นไปบนชั้น 2 เป็นห้องจัดแสดงภาพวาดของศิลปินแนวแปลกๆ แต่น่าสนใจดี
ผมเดินสำรวจคร่าวๆและขึ้นไปสำรวจต่อที่ชั้น 3 เป็นชั้นดาดฟ้า
.
.
.
มีคนมายืนดื่มด่ำบรรยากาศเคล้าฟองเบียร์อยู่กันเยอะมาก
ไฮไลท์บนดาดฟ้านี้ก็คือมีศิลปินสองคนกำลังบรรเลงพู่กันป้ายสีลงบนฝาผนังกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ภาพที่ผมเห็นนาทีนี้อาจจะไม่ดูสมบูรณ์มากนัก
แต่ถ้ายืนรอดูจนจบคืนนี้คงได้นอนบนดาดฟ้ากัน
ผมเลยลงบันไดอันสูงชันไปท่องดูที่อื่นบ้าง เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากบนลงล่าง ผมเดินไปเห็นร้านขายเสื้อผ้าวินเทจดูแล้วแนวมาก
ข้างในร้านเป็นร้านขายเครื่องดื่มและของกระจุ๊กกระจิ๊ก น่ารักๆ ละลานตาเต็มไปหมด ดูแล้ววัยรุ่นน่าจะฟินสุดๆ
ไปกันต่อในตรอกซอกซอย ผมเดินถ่ายรูปไปเพลินๆและมาสะดุดที่บูธดีเจที่หน้าร้านจัดดอกไม้ชื่อดัง "Oneday wallflower"
ร้านจัดดอกไม้มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เข้าไปด้านในจะมีกลิ่นอายของความเป็นกระท่อมชนบทแบบอังกฤษ
มีของเก่าวางตกแต่งร่วมกับวัสดุธรรมชาติอย่างมีรสนิยมงาน Craft ที่ทำขึ้นจากวัสดุเหล็กผสมสไตล์อินดัสเทรียลอาร์ต วันนี้เป็นวันพิเศษเจ้าของร้านเลยมีเค้กหน้าตาสวยมาให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกันด้วย
ห้องโถงตรงกลาง มีการเปิดช่องแสงเป็น skylight (หลังคากระจก) เพื่อรับแสงเข้ามาภายในห้องให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ
ผมค่อยๆเดินขึ้นไปจนถึงดาดฟ้า เป็นเวลาช่วงพลบค่ำมองออกไปเห็นไม่กางเขนสีแดงของโบสถ์เด่นตระหง่านอยู่ไม่ไกล ให้ความรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก
ถัดไปอีกซอยก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ระหว่างซอยมี Art gallery ที่เห็นราคาแล้วสะดุ้ง!
ภาพส้นเท้าไม่รู้นางใดทำไมถึงมีราคา 6000 บาท นี่แหละคุณค่าและความงามของศิลปะ เลยทำให้เราได้เป็นแต่เพียงผู้เสพ ฮ่าฮ่า
ท้ายซอยมีบาร์ไทยมีนามว่า “เทพบาร์”
ดูจากภายนอกก็ดูเหมือนจะเป็นบาร์สไตล์ไทยๆทั่วไป แต่พอเข้าไปด้านในผมถึงกับตะลึง แทนที่จะเป็นดีเจสปินสะเครสแผ่น ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือชายชุดดำกำลังโชว์ลีลาโซโล่ระนาดเอกอย่างเมามัน อย่างกับหนังโหมโรงภาค ไม่คิดว่าดนตรีไทยจะเข้ากันได้ดีกับสถานที่แบบนี้ เป็นการผสมผสานวัฒนะธรรมร่วมสมัยกันได้อย่างมีจังหวะจะโคนที่น่าสนุกสนาน
นอกจากนี้ในแถบซอยนานา ยังมีบาร์เปิดใหม่หลายรูปแบบ เช่น Ba Hao Pijiu Bar หน้าซอยมีร้านข้าวต้มกุ้ยที่เคยออกรายการครัวคุณต๋อย เรียกได้ว่าเราสามารถใช้เวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็นตระเวนเที่ยวถ่ายรูปชื่นชมบรรยากาศแถวเจริญกรุงซอย 28 ที่ถัดไปไม่ไกลเลยก็ได้นะครับ
วันนี้ถือเป็นวันที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับผมที่ได้มาเที่ยวชมงานนี้
งานเล็กๆที่อบอวบไปด้วยศิลปะ งานฝีมือและมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่าทำเอาผมหลงใหล
ชวนให้หวนกลับมาอีกครั้ง...
"Hobby to Money"