7 สิ่งที่ควร “รู้”
โปรโมทอย่างไรให้ คุ้มตังค์ ใน Etsy สำหรับมือใหม่
สำหรับมือใหม่ Etsy หลายคนคงประสบปัญหารายการสินค้าที่ลงขายค้นหาไม่เจอในผลของการค้นหาของ Etsy หรือไปติดอันดับ 1 จากหน้าสุดท้าย (แบบปวดจายย)
การที่รายการสินค้าของเราไม่ได้ติดอยู่ในอันดับหน้าต้นๆของผลการค้นหา Etsy นั้นมีหลายปัจจัยครับ ซึ่งผมขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดมากในบทความนี้ เพราะอาจจะยาววววว จนเกินไป
วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดสำหรับปัญหานี้ก็คือ
“เอาเงินเข้าแลก” Promote listing
แต่ว่าแลกอย่างไรให้ – คุ้มค้า - มากที่สุดนี่แหละครับคือประเด็นสำคัญสำหรับการโปรโมทบน Etsy ฉนั้นเราจำเป็นต้องรู้หลักพื้นฐาน 7 สิ่ง ดังต่อไปนี้ครับ
1. รู้ ต้นทุน Understand your costs
ต้นทุนคือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราจำเป็นต้องรู้อย่างละเอียด ในทุกๆ “ค่า” ไม่เช่นเราจะ “ฆ่า” ตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น ต้นทุนหลักในการขายสินค้าบน Etsy มีอยู่แค่ 4 ส่วน ก็คือ ต้นทุนค่าสินค้า, ค่าขนส่ง, ค่าธรรมเนียม Etsy และ PayPal ในส่วนต้นทุนด้านอื่นๆนอกจากนี้ก็อาจจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับธุรกิจของแต่ละคนนะครับ พอเรารู้ต้นทุน แน่นอนว่าเราก็จะรู้ว่าเรามีกำไรเท่าไหร่ แล้วเพียงพอหรือไม่? สำหรับในการทำแคมเปญโปรโมทสินค้าใน Etsy บางคนกลัวขายไม่ออกก็เลยดั้มราคาลดกันกระหน่ำแหลกจนกำไรหดหาย เงินไม่เหลือพอที่จะทำการโปรโมทสินค้า และถ้าอาจดันทุรังโปรโมทไปก็อาจจะทำให้ขาดทุนได้โดยไม่รู้ตัว (หลายคนคงเคยเจอกันมาเยอะแล้วนะครับ)
เพราะฉนั้นในการตั้งราคาขายทางที่ดีควรเผื่อเงินไว้สำหรับการทำโปรโมทด้วยนะครับ
2. รู้ งบประมาณ Set your budget
หลังจากที่เรารู้ต้นทุนและกำไรต่อชิ้นของสินค้าที่เราขายเป็นอย่างดีแล้ว เราจึงพอจะประมาณการณ์ได้ว่าเราจะตั้งงบประมาณในการโปรโมทสักเท่าไหร่ ซึ่งเราสามารถตั้งงบประมาณในการใช้โปรโมทเป็นรายวันได้ สำหรับมือใหม่ผมแนะนำให้ทดลองจำกัดงบแค่ 1-2 เหรียญต่อวันก่อน เพื่อทำการทดสอบเบื้องต้น (Test run) ในส่วนของการ Setting (ตั้งค่าโปรโมท) เราสามารถเลือกตั้งค่าได้ 2 แบบก็คือ Auto bid และ Customize bid
• Auto bid หมายถึง ปรับงบประมาณการแข่งขันค่าโฆษณาต่อคลิกแบบอัตโนมัติตามมูลค่าการแข่งขันในตลาดของสินค้าที่เราขาย ถ้าสินค้าที่เราขายมีการแข่งขันสูงมูลค่าการใช้งบโฆษณาสินค้าต่อคลิกก็จะสูงตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นคลิกละประมาณเท่าไหร่ ไม่สามารถบอกได้ล่วงหน้าครับ เพราะทาง Etsy เค้าก็จะคิดแทนเราไปเลยแบบอัตโนมัติตามชื่อเลยครับ ด้วยเหตุนี้จึงอาจทำให้งบที่เราตั้งไว้ต่อวันหายวับไปในพริบตา แต่ทั้งนี้ก็จะไม่เกินงบประมาณต่อวันที่เราตั้งค่าไว้
• Customize bid หมายถึง เราสามารถตั้งงบประมาณการแข่งขันได้ด้วยตัวเอง ว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ในการประมูลแข่งขันค่าโฆษณา เราสามารถตั้งค่าสูงหรือต่ำกว่าราคา Auto bid ที่ Etsy เสนอก็ได้นะครับ ส่วนใหญ่แล้วก็จะตั้งค่าที่ต่ำกว่าเพราะบางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในหน้าแรกเสมอไปก็ได้นะครับ Ad ของเราอาจจะเลื่อนไปอยู่ในหน้า 2 หน้า 3 ก็คงไม่เสียหายอะไรมากประหยัดเงินไว้บ้างน่าจะเป็นการดีเสียกว่า (Recommended) แต่ก็ไม่ควรตั้งราคาต่ำมากจนเกินไปเพราะจะทำให้ Ad ของเราไม่มีประสิทธิภาพ (เหนียวมากก็ขายยากนะจ๊ะ)
3. รู้ สินค้า Choose what you’ll promote
ในการโปรโมทสินค้าเราไม่จำเป็นต้องโปรโมทยกร้านนะคร้าบบ เลือกเป็นบางรายการเฉพาะสินค้าที่เราคิดว่าน่าจะเข้าตากรรมการ เวลามีลูกค้าเข้ามาดูรายการสินค้าที่เราโปรโมทเค้าก็จะเห็นสินค้ารายการอื่นในร้ายของเราด้วย (Relate items) บางทีสินค้าที่เราโปรโมทจะดึงคนให้คลิกเข้ามาและไปซื้อรายการอื่นก็เกิดขึ้นได้เสมอนะครับ (บ่อยซะด้วยนะผมคิดว่า)
4. รู้ คำค้นหา Main Keyword
สิ่งนี้ก็สำคัญ Main keyword ควรเป็น 5 คำแรกใน Title เสมอนะครับ ลองนึกว่าตัวเองเป็นลูกค้าและอยากหาซื้อสินค้าอย่างที่เราขายแล้วเราจะพิมพ์คำค้นหา (Keyword) ว่าอะไร คำเหล่านั้นที่เราคิดได้เป็นคำแรกๆนั่นแหละครับคือ Main keyword ใครที่สามารถคิดคำค้นหาได้เฉียบคม ตรงประเด็น มากเท่าไหร่ โอกาสที่สินค้าเราจะไปเสนอหน้าให้เค้าเห็นก็มีมากเท่านั้นครับ
5. รู้ จักอดทน Be patient
คลิกหนอ ตังค์หนอ คลิกหนอ ตังค์หนอ อันนี้ผมเข้าใจครับ แต่อย่าเพิ่งใจร้อนลงโฆษณาไปไม่กี่วันแล้วตีโพยตีพายว่าทำไม
“ของฉ้านนนขายไม่ได้ซะทีโว้ยยยย” อันนี้ต้องตั้งสติก่อนสต๊อบนะครับ ฮ่าๆๆ เพราะเราไม่ควรประเมิณผลการโฆษณาเร็วเกินไป ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ ต้องดูกันระยะ 15-30 วัน แล้วค่อยมาวิเคราะห์หาสาเหตุ และวัดผลความคุ้มค่ากันอีกที
6. รู้ ข้อมูล Analyze your data
Etsy มุ่งพัฒนาการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติด้านต่างๆ (Stats) ให้ผู้ขายสามารถนำมาศึกษาวิเคราะห์เพื่อการวางแผนการตลาดที่ถูกต้อง
และในส่วนของการโปรโมทสินค้า (Promote listing) เราก็สามารถวัดผลได้จาก Ad performance ที่จะทำให้เรารู้ว่า ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ารายการสินค้าที่เราโปรโมท คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน เราสามารถดูได้จากค่าต่างๆ ดังต่อไปนี้
• Impression คือ จำนวนครั้งที่รายการสินค้า (Listing) มีการแสดงผลขึ้นมาในคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง จะคลิกหรือไม่คลิกนับหมด
• Click คือ จำนวนครั้งของรายการสินค้าที่โปรโมทถูกคลิก
• Cost คือ จำนวนเงินที่จ่ายไป
• Order คือ จำนวนรายการสินค้าที่ขายได้
• Revenue คือ จำนวนเงินที่ขายได้ (จากการโปรโมทเท่านั้น)
ซึ่งทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่แล้วผมจะดูที่ Cost เป็นหลักครับ ว่าในรอบ 30 วัน งบประมาณที่ต้องจ่ายไปคุ้มค่ากับยอดขายที่ได้รับหรือไม่ ถ้าคุ้มก็ไปต่อ ถ้าไม่คุ้มเราก็ต้องทดลองปรับเปลี่ยนรายการสินค้าเป็นตัวอื่นบ้าง สลับกันไป หรือเมื่อมีรายการสินค้าลงใหม่ เราก็สามารถเลือกขึ้นมาโปรโมทได้ ทั้งนี้การโปรโมทรายการสินค้าส่วนใหญ่แล้วจะทำให้รายการอื่นขายได้ด้วยเช่นกันนะครับ ไม่จำเป็นต้องโฟกัสที่รายการสินค้าที่เราเลือกโปรโมทเท่านั้น
7. รู้ ปรับปรุง, เปลี่ยนแปลง Monitor and adjust accordingly
การเฝ้าสังเกตและปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
หมั่นมองหาจุดบกพร่องของการทำธุรกิจว่าเราควรที่จะพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้อย่างไรบ้าง (Product development) สินค้าที่ขายดีมักจะมาพร้อมกับการรู้จักบุคลิกนิสัยของลูกค้าเป็นอย่างดีครับ (Targeting) เราสามารถปรับปรุงการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไรบ้าง
ผมเชื่อว่าสินค้าที่มีคุณภาพสามารถขายได้ถ้าเรามีจุดขายที่ชัดเจน และไม่หยุดที่จะพัฒนา ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 7 สิ่งที่ควร “รู้” ไว้เป็นพื้นฐานในการโปรโมทสินค้าเท่านั้นยังมีรายละเอียดในส่วนอื่นอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึงนะครับ
ผมหวังว่าน่าจะพอเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับมือใหม่ Etsy
"Hobby Make Money"
Opp Online